ด้วยการกำหนดให้มีวิ่งครั้งละ ไม่เกิน 1 ชั่วโมง 30 นาที และจำกัดจำนวนนักวิ่งไม่เกิน 250 คน โดยผู้ร่วมกิจกรรมทุกคน ในวันกิจกรรม จะต้องลงทะเบียน"ไทยชนะ" พร้อมรับริสแบนด์และให้ทีมงาน ได้ตรวจสอบประวัติการฉีดวัคซีน หรือ การแสดงผลการตรวจ ATK ที่เป็นลบเท่านั้นที่จะได้รับการอนุญาตให้เข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ได้ ส่วนรูปแบบของกิจกรรมในวันเสาร์และอาทิตย์ จะเป็นวันแข่งขันที่ใช้ชื่อว่า "RUNNING ZONE CHALLENGE 10K SEASON 2" เป็นการให้ทุกท่านแข่งขันวิ่งในระยะทาง 10 กม. โดยจะต้องวิ่งในลู่วิ่งตามความเร็วในการวิ่งของตนเอง มีการใช้เทคโนโลยีการจับเวลาแบบใหม่ คือ LIVE TRACKING ซึ่งทุกๆ คนสามารถตามลุ้นตามเชียร์นักวิ่งทุกท่านได้ แบบ REAL TIME หลังจากที่ทุกคนวิ่งเสร็จ จะได้รับของที่ระลึกภายในงานทุกวัน คือเสื้อFINISHER ที่ผลิตมาแบบ LIMITED EDITION ไม่ซ้ำสีในแต่ละสัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีเซอร์ไพร์สจากผู้สนับสนุนมอบรางวัลให้แก่ผู้ทำสถิติวิ่ง 10 กม. ได้เร็วที่สุด 100 คนแรก ของทั้งชายและหญิง และรางวัลจากภาคเอกชนที่เข้าร่วมสนับสนุนในโครงการอีกมากมาย โดยผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม และลงทะเบียนสมัครได้ทาง เปิดรับสมัคร ตั้งแต่วันพุธที่ 20 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป โดยการแข่งขันจะมีขึ้นทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม ถึง 21 พฤศจิกายน 2564 เริ่มลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 17.
2 ใน 3 คนนั้นคือ นักสมุทรศาสตร์และวิศวกรชาวสวิสชื่อฌาคส์ พิคคาร์ด (Jacques Piccard) กับนักมหาสมุทรศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญทางทะเลชาวอเมริกัน ดอน วาลช์ (Don Walsh) โดยทั้งสองนั่งเรือดำน้ำขนาดเล็กชื่อตรีเอสเต (Trieste) ลงไปถึง 5 ชั่วโมงกว่าจะถึงก้นสมุทร ซึ่งพวกเขาได้บรรยายถึงสภาพแวดล้อมที่เห็นว่า พื้นเหมือนเป็นหินบดละเอียด แต่ตอนลงจอดไม่มีฝุ่นฟุ้งกระจายขึ้นมา มีปลาและกุ้งรูปร่างประหลาดอยู่จำนวนหนึ่ง. แต่ก่อนที่ทั้งสองจะหันได้เห็นอะไรมากกว่านี้ กระจกหน้าต่างของเรือก็เริ่มเกิดรอยรั่วที่ทำให้ทั้งสองต้องรีบปลดตุ้มถ่วงและกลับขึ้นมาเหนือน้ำโดยเร็วที่สุด ทำให้ทั้งสองคนได้ใช้เวลาใต้ก้นมหาสมุทรเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น ซึ่งทั้งสองใช้เวลาเดินทางกลับขึ้นมาเพียงแค่ 3 ชั่วโมง 15 นาที ทำให้ใช้เวลาตลอดภารกิจรวมทั้งสิ้น 8 ชั่วโมง 35 นาที. หลังจากนั้นก็ไม่มีใครลงไปสำรวจบริเวณดังกล่าวอีกเลยจนถึงปี 2012 ที่ช่องสารคดีชื่อดังเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ได้ลงไปสำรวจหลุมดังกล่าวอีกครั้ง โดยได้ผู้กับกำฝีมือดีอย่าง เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับหนังเรื่องอวตาร ไททานิก และเทอร์มิเนเตอร์ มาร่วมถ่ายทำด้วย. โดยเจมส์ คาเมรอน ได้นั่งเรื่อดำน้ำชื่อ "ดีพซี ชาเลนเจอร์" (Deepsea Challenger) ความยาว 7.